เรื่องราวของดาวอังคาร เดี๋ยวดัง เดี๋ยวเงียบ วูบวาบเป็นพักๆ พอหมูป่าติดถ้ำ มีคนมามะรุมมะตุ้มช่วยกันเยอะ หนึ่งในนั้นคือคนดังที่มาด้วยตัวเอง พร้อมกับขนเรือดำน้ำจิ๋ว ชื่อ “หมูป่า” ที่เพิ่งประดิษฐ์ ติดตัวมาด้วย คือ Elon Musk มหาเศรษฐีอันดับที่ 56 ของโลก (จัดอันดับเมื่อเดือนมิถุนายน 2018) เจ้าพ่อรถไฟฟ้า “Tesla” และผู้ก่อตั้งบริษัทจรวดอวกาศ Space X จึงอดไม่ได้ที่จะทำให้นึกถึง ดาวอังคาร เพราะเขามีเจตนารมย์แน่วแน่ที่จะไปที่นั่น
งั้นเรามาทำความรู้จักกับดาวเคราะห์ที่ใกล้โลกเราที่สุดดวงนี้กันอีกสักนิดนะ
พระอังคาร (Mars) หรือเทพเจ้าแห่งสงคราม เป็นที่รู้จักกันดีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แถมดาวอังคารก็ยังเป็นต้นเรื่องของนิยายวิทยาศาสตร์มาแต่ไหนแต่ไร แต่เป็นในแนวคู่ปรับของโลกมาตลอด เช่นมนุษย์ดาวอังคารบุกโลก อะไรประเภทนี้แหละ งั้นต้องมาเทียบดาวอังคารกับโลกกันหน่อย
ถ้าเปรียบเป็นมวย มุมแดงกับมุมน้ำเงิน แน่นอนว่า โลกต้องอยู่มุมน้ำเงิน เพราะมีน้ำในมหาสมุทรห่อหุ้มโลกอยู่เยอะแยะ จนมองเห็นเป็นดาวสีฟ้า ส่วนอังคารต้องอยู่มุมแดง เพราะห่อหุ้มด้วยฝุ่นผงสนิมเหล็ก จนแดงไปทั้งดวง (ดาวขึ้นสนิมนี่เอง)
ถ้ายังจะเทียบเหมือนมวยต่อไป ก็ต้องบอกว่าเป็นมวยคนละรุ่น คนละชั้น เพราะเล็กกว่าโลกเยอะ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณแค่ครึ่งเดียวของโลก พอคิดเป็นปริมาตร เลยเหลือแค่ 15% ของโลกเท่านั้น
ถ้าจะเทียบน้ำหนักยิ่งไปกันใหญ่ เพราะโลกก็เนื้อแน่นกว่าเยอะ ดาวอังคารนั้น มีมวลแค่ 11% ของโลก ผลก็คือ ทำให้มีแรงดึงดูดเพียงแค่ 38% เมื่อเทียบกับแรงดึงดูดของโลก
แต่เห็นดาวอังคารเล็กๆอย่างนั้น ที่เอาชนะโลกได้ก็มีนะ คือภูเขาไงครับ ยอดเขาสูงที่สุดบนโลกเราคือ Mount Everest สูงเพียงแค่ 8.8 กิโลเมตร เทียบไม่ได้กับ ภูเขาสูงที่สุดบนดาวอังคารคือ Olympus Mons ที่สูงถึง 21.9 กิโลเมตร ซึ่งครองตำแหน่งยอดเขาสูงที่สุดในระบบสุริยะมานาน ถึง 40 ปี นับตั้งแต่มีการค้นพบในปี 1971 เพิ่งจะถูกลบสถิติ ลดลงมาเป็นที่สอง เสียตำแหน่งแชมป์ไปในปี 2011 เมื่อมีการค้นพบยอดเขา Rheasilvia บนดาวเคราะห์น้อย Vesta ที่สูง 22 กิโลเมตร เฉือนกันแค่ปลายจมูกเท่านั้นเอง
อากาศล่ะ มีไหม บนดาวอังคารโน่นน่ะ
มีครับ แต่ชั้นบรรยากาศบางมาก แถมออกซิเจนแทบไม่มีเลย (0.146%) ส่วนใหญ่เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ (95.97%) ความดันบรรยากาศก็ต่ำมากๆ ไม่ถึง 1% เมื่อเทียบกับโลก ส่วนอุณหภูมินั้น ถึงคราวร้อนก็พอไหว สูสีกับโลก คือ 35 องศา C ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยก็หนาวเอาเรื่อง คือ -63 องศา C แต่อุณหภูมิต่ำสุดนี่เลิกคุยเลย -143 องศา C !
มีเหมือนกันที่ดาวอังคารเลียนแบบดาราเหมือนกับโลก คือ หมุนรอบตัวเองหรือหนึ่งวันใกล้เคียงกัน (24h 37m 22s) แกนหมุนเอียงเหมือนกัน ทำให้มีสี่ฤดูกาลเหมือนกัน แต่ชื่อเรียกอาจจะตะขิดตะขวงใจหน่อย เพราะ ร้อน-หนาว น่ะเรียกได้ แต่ใบไม้ผลิ-ใบไม้ร่วง นี่ จะเรียกยังไงล่ะ เพราะบนดาวอังคารไม่มีต้นไม้เลยนี่
คราวนี้เปลี่ยนจากมวย มาเป็นแข่งจักรยานในสนามวงกลมหรือ velodrome กันบ้าง โดยให้วิ่งรอบดวงอาทิตย์ โลกได้เปรียบที่ได้อยู่เลนใน ทำให้ปั่นได้เร็วกว่าดาวอังคารเท่าตัว คือโลกวิ่งรอบดวงอาทิตย์ได้สองรอบ (2 ปี) ดาวอังคารเพิ่งวิ่งได้รอบเดียว ดังนั้น เมื่อเราดูดาวอังคารจากโลก บางครั้งจึงเห็นเหมือนกับดาวอังคารวิ่งถอยหลังเมื่อเทียบกับดาวที่อยู่ข้างหลังไกลออกไป (กลุ่มดาวทั้ง 12 ราศีนั่นแหละ) ก็คือในจังหวะที่โลกเรากำลังแซงโค้งเลนในนั่นเอง อาการที่มองเห็นดาวเข้าเกียร์เดินถอยหลังนี่ พวกโหรารู้จักดี เพราะเขามีศัพท์เรียกด้วย คือ “พักร” หรือ “retrograde” (ถ้าดาวเข้าเกียร์ว่างหยุดนิ่ง เรียกว่า “มนต์” ถ้าดาวเข้าเกียร์เดินหน้าเร็ว เรียกว่า “เสริด”)
มาวัดดีกรีความเป็นเจ้าพ่อกันดูบ้าง โลกเรามีดวงจันทร์เป็นบริวารแค่ดวงเดียว แต่เป็นทรงกลมใหญ่โต สวยงาม ส่วนดาวอังคาร ถึงจะมีบริวารตั้งสองดวง ที่มีชื่อว่า Phobos และ Deimos แต่รูปร่างบูดเบี้ยว ดูไม่ได้เลย เหมือนบุษบาริมทาง เพราะคงจะไปคว้ามาจากดาวเคราะห์น้อยที่เฉียดผ่านมา แถมอนาคตก็สดใสต่างกัน ดวงจันทร์ของเรามีระยะห่างจากโลกมากขึ้นทีละนิดละหน่อย “ฉันจะปล่อยเธอเป็นอิสระ” เจ้านาย (โลก) อาจจะบอกอย่างนั้น แต่บริวารของดาวอังคารมีระยะความสูงที่ใกล้พื้นดาวอังคารเป็นสาละวันเตี้ยลงเข้าไปทุกที อนาคตคงมีจุดจบที่คาดเดาได้ คือ “น่าจะโหม่งพื้นเข้าสักวัน”
แต่อย่าพะวงคอยเฝ้าดูเลยครับ อีกหลายสิบล้านปี เหตุการณ์เหล่านี้ก็ยังไม่เกิดหรอก
ยังมีคำถามที่คาใจอีกอย่างสำหรับคนที่วาดฝันว่า จะมีสิ่งที่มีชีวิตบนดาวอังคารหรือไม่ คือเรื่องของ “น้ำ” อันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสิ่งที่มีชีวิต แต่ความดันบรรยากาศบนผิวดาวอังคาร แค่ 0.00628 เท่า ของโลกนี่ โอกาสที่น้ำที่อยู่ในรูปของ “ของเหลว” แทบไม่เหลือเลย
ตอบอย่างนี้แสดงว่า มีน้ำบนดาวอังคารสิ เพียงแต่ว่าไม่อยู่ในรูปของ “ของเหลว”
ใช่แล้วครับ มี และมีเยอะด้วย แต่อยู่ในรูปของน้ำแข็งที่ขั้วดาว ซึ่งถ้ามันละลายได้หมด น้ำจะท่วมดาวอังคารทั้งดวงลึกมากกว่า 11 เมตรเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพอุณหภูมิและความดันบรรยากาศปัจจุบันบนดาวอังคาร มันจึงเป็นเพียงแท่งน้ำแข็งหนาปึ้ก แถมหน้าหนาวมีชั้นของน้ำแข็งแห้ง (dry ice) ที่เกิดจากคาร์บอนไดออกไซด์กดทับไว้ด้วย
เขาวิเคราะห์กันว่า สภาวะการณ์ที่เอื้อให้เกิดสิ่งที่มีชีวิตบนดาวอังคารนั้น สมัยก่อนดีกว่าตอนนี้เสียอีก ปัจจุบันมีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ – เอ้อ! แล้วจะคิดไปที่นั่นทำไมกัน ไม่เห็นจะมีอะไรเลย
ถึงกระนั้นก็เถอะ เผลอแผลบเดียว – ตอนนี้ มีทั้งดาวเทียมและหุ่นยนต์สำรวจ ไปเที่ยวเพ่นพ่านอยู่บนดาวอังคารมากมาย เพราะเขาเตรียมจะส่งคนไปที่นั่นให้ได้น่ะซีครับ … เอาจริงเหรอเนี่ย
การจะไปที่นั่น ต้องวางแผนให้ดีๆ เพราะจะต้องไปในช่วงที่ โลกและดาวอังคารโคจรมาอยู่ใกล้กันมากที่สุด อาจจะคิดง่ายๆว่า โลกวิ่งกวดทันดาวอังคารไม่เกินสองปี นี่นา ไม่น่าจะนานนะ แต่อย่าลืมว่า วงโคจรรอบดวงอาทิตย์นั้นไม่ใช่วงกลม เป็นวงรีครับ แถมดาวอังคารก็รีมากด้วย บางช่วงวิ่งห่างออกไปเสียไกลเชียว ดังนั้น ช่วงปีที่โลกและดาวอังคารจะโคจรมาใกล้กันนั้น สองปียังไม่ได้ ยังอยู่ไกลกันเกินไป ต้องประมาณ 15 ปี อันที่จริงในปีนี้ ก็เป็นปีที่ใกล้เหมือนกันนะ ใกล้สุด เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา แต่ยังทำอะไรไม่ได้ รอบต่อไปคือปี 2033 ก็อาจจะได้แค่ไปวิ่งวนรอบๆดาวอังคารแล้วกลับ ที่เป็นไปได้มากที่สุด คือปี 2048 ซึ่งจะใกล้สุดในวันที่ 3 มิถุนายน แต่เขากะจะให้คนไปลงดาวอังคาร กำหนดวัน Landing ในวันที่ 3 สิงหาคม 2048 – ใครจะจองตั๋วไปดาวอังคาร ช่วยโน้ตไว้หน่อยนะ กันลืม
ถ้าไปถาม Elon Musk ว่า จะไปทำไมกัน ดาวอังคาร นั่นน่ะ ไม่รู้ว่าเขาจะตอบมาในอารมณ์เดียวกับผู้พิชิตยอดเขา Everest รึเปล่า คือ…
“ตูทำได้แล้วเฟ้ย !”
… @_@ …
วัชระ นูมหันต์
26 สิงหา 61
_________________
Ref: